กรณีบริษัท ก เรียกเก็บค่าบริการจากบริษัท A ในต่างประเทศ ซึ่งเป็นการให้บริการในราชอาณาจักร นั้น
1. ให้พิจารณาว่า ค่าบริการที่บริษัท ก เรียกเก็บดังกล่าว เข้าลักษณะเป็นการให้บริการในราชอาณาจักรและได้มีการใช้บริการนั้นในต่างประเทศ ตามมาตรา 80/1 (2) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ ย่อมมีสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ของมูลค่าบริการที่ได้รับ
2. กรณีค่าบริการที่บริษัท ก เรียกเก็บ เป็นบริการที่ให้ในราชอาณาจักร และไม่มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร ตามมาตรา 77/2 (1) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ของค่าบริการที่ได้รับ
ดังนั้น หากบริษัท ก. ต้องค่าบริการที่ได้เรียกเก็บเป็น เงินสกุล USD มาถือรวมเป็นมูลค่าของฐานภาษีในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่ต้องชำระในแต่ละเดือนภาษีที่บริษัท ก ได้รับชำระ นั้น เมื่อบริษัท ก. ออก Invoice (เปิดบิลขาย) เพื่อเรียกเก็บค่าบริการจากบริษัท A โดยใช้อัตรา BOT ในการบันทึกบัญชี และเมือรับชำระเงินใช้ อัตรา ธนาคารพาณิชย์ที่บริษัทใช้อยู่
1) ณ วันที่รับชำระเป็นเงินตราต่างประเทศ สกุล USD บริษัท ก แปลงค่าเป็นเงินบาทเลย จะใช้อัตราแลกเปลี่ยนของที่ธนาคารพาณิชย์แจ้งให้บริษัท ก. ในการยื่นนำส่งภาษี ถูกต้องแล้ว
2) ถ้า ณ วันที่ บริษัท ก รับชำระเงินจากต่างประเทศเป็นเงินสกุล USD ยังไม่แปลงค่าเป็นเงินบาท (โดยเก็บเป็นเงินสกุลไว้ก่อนเพื่อนำไปชำระหนี้ในอนาคต) ให้บริษัทฯ
ใช้อัตราแลกเปลี่ยน BOT ณ วันที่รับชำระ เช่น รับชำระ 15/5/60 ใช้ อัตรา Rate วันที่ 15/5/60 หรือ 14/05/60 คะ ( ณ วันที่บันทึกรับชำระ ณ 15/5/60 BOT จะขึ้นข้อมูลของวันที่ 14/5/60)
3) การใช้อัตราแลกเปลี่ยนในการบันทึกบัญชี ให้พิจารณาข้อเท็จจริงเป็นเรื่องๆ ไป เช่น ถ้าบันทึกบัญชี ใช้ BOT ตอนรับชำระและการยื่นภาษีต้องเป็นใช้ BOT ด้วยหรือไม่ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง