รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ
บทความวันที่ 30 ต.ค. 2559 . เขียนโดย อจ.สุเทพ . เข้าชม 78137 ครั้ง
บทความวันที่ 30 ต.ค. 2559 . เขียนโดย อจ.สุเทพ . เข้าชม 78137 ครั้ง
รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ
“มาตรา 65 ตรี รายการต่อไปนี้ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ
(3) รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัว การให้โดยเสน่หา หรือการกุศล เว้นแต่
(ก) รายจ่ายซึ่งเป็นเงินที่บริจาคแก่พรรคการเมืองตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ให้หักได้ไม่เกินห้าหมื่นบาท ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
(ดู ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 358) )
(ข) รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ตามที่อธิบดีประกาศกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี ให้หักได้ในส่วนที่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬาตามที่อธิบดีประกาศกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรีให้หักได้อีกในส่วนที่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ
(ดู ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 44) ประกอบ)
(ดู ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 444) ประกอบ)
จากบทบัญญัติมาตรา 65 ตรี (3)
แห่งประมวลรัษฎากร อาจแยกพิจารณารายจ่ายการกุศลได้ดังนี้
1. รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการกุศล แบ่งเป็น
1.1 รายจ่ายเพื่อการกุศลทั่วไปที่มิใช่รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ
หรือเพื่อการสาธารณประโยชน์
1.2 รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์
1.3 รายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือรายจ่ายเพื่อการกีฬา
2. รายจ่ายเพื่อการกุศลทั่วไป ที่มิใช่รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์หมายถึง
รายจ่ายค่าการกุศล คือ รายจ่ายที่กิจการได้จ่ายไปเพื่อประโยชน์แก่บุคคลอื่น อาทิ
การให้ทาน การช่วยเหลือแก่ผู้ยากไร้ การช่วยเหลือเกื้อกูลแก่บุคคลทั่วไป
การช่วยงานศพ งานบวช ถือเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี
(3) แห่งประมวลรัษฎากร
3. รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์
3.1 รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ ได้แก่
รายจ่ายในการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินที่จ่ายให้แก่หรือเพื่อกิจการดังต่อไปนี้
(1) รัฐบาล
(2) กระทรวง ทบวง กรม เทศบาล สุขาภิบาล
หรือองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่นอื่นรัฐวิสาหกิจที่มิใช่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
การบริจาคเงินให้กรุงเทพมหานครเนื่องในดอกาสจัดนิทรรศการการทางการแพทย์และอนามัย เป็นการบริจาคเพื่อการกุศลสาธารณะตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร (หนังสือกรมสรรพากรที่ กค 0804/2015 ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2520)
บริษัทฯ ผลิตโทรทัศน์ บริจาคเครื่องรับโทรทัศน์ให้แก่กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อมอบให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อนำไปติดตั้งที่ศาลาประชาคมหมู่บ้าน ถือเป็นรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการกุศลสาธารณะ (หนังสือกรมสรรพากรที่ กค 0802/5234 ลงวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2529)
ยกที่ดินให้แก่ทางราชการเพื่อจัดสร้างสวนสาธารณะ ถือเป็นการบริจาคเพื่อการกุศลสาธารณะตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร (หนังสือกรมสรรพากรที่ กค 0804/1855 ลงวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2521)
(3) โรงพยาบาลของรัฐบาล หรือโรงพยาบาลขององค์การของรัฐบาล
(4) สภากาชาดไทย
(5) วัดวาอาราม
บริจาคเงินให้แก่โบสถ์คริสต์
ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ ตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร
(หนังสือกรมสรรพากรที่ กค 0804/2040 ลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2525)
(6)
มูลนิธิหรือสมาคมที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนด
ให้เป็นองค์การสาธารณกุศล ตามมาตรา 47 (7)(ข)
แห่งประมวลรัษฎากร
การที่บริษัทฯ บริจาคเงินให้แก่สมาคม ไม่ถือว่าเป็นกิจการบริจาคเพื่อการกุศลสาธารณะ เพราะสมาคมจัดตั้งขึ้นเพื่อประโยชน์ของกลุ่มสมาชิกของตนเท่านั้น ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร แต่ถ้าบริจาคให้แก่สมาคมต่อต้านโรคมะเร็งแห่งประเทศไทย ถือเป็นรายจ่ายได้ร้อยละ 1 ของกำไรสุทธิ (ปัจจุบันเพิ่มเป็นร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ) (หนังสือกรมสรรพากรที่ กค 0804/6939 ลงวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2515)
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะมีรายชื่ออยู่ในเวบไซต์ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th/publish/29157.0.html หรือไม่ก็ตาม แต่ถ้ามีก็นับว่าปลอดภัยกว่า หรือแน่นอกว่า เพราะไม่ต้องพิสูจน์ความเป็นองค์การกุศลสาธารณะของหน่วยงานที่รับบริจาค นอกจากนี้รายชื่อองค์การกุศลดังกล่าว เป็นรายชื่อมูลนิธื สมาคม องค์การสาธารณกุศลที่บุคคลธรรมดาบริจาคแล้วสามารถนำเงินบริจาคมาหักลดหย่อนในการคำนวณเงินได้สุทธิตามมาตรา 47 (7) แห่งประมวลรัษฎากร เท่านั้น
(7) องค์การสาธารณกุศลอื่นๆ เช่น กิจการแพทย์หลวง
(หนังสือกรมสรรพากรที่ กค 0804/11050 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2519) องค์การยูนิเซฟ
(หนังสือกรมสรรพากรที่ กค 0802/10858 ลงวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2527)
3.2 รายจ่ายเพื่อการสาธารณประโยชน์ ได้แก่
รายจ่ายที่จ่ายให้แก่หรือเพื่อกิจการดังต่อไปนี้
(1) การส่งเสริม อนุรักษ์
และรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครอง
ตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนปละคุ้มครองสัตว์ป่า
(2)
การคุ้มครองและดูแลรักษาอุทยานแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ
(3)
การคุ้มครองและรักษาป่าสงวนแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ
(4) การส่งเสริม คุ้มครอง
และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริม
และรักษาคุณภาพคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(5) การควบคุม ป้องกัน แก้ไข
ตลอดจนการลดและขจัดอันตรายอันเกิดจากการแพร่กระจายของมลพิษหรือภาวะมลพิษและของเสียอันตราย
ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
(6) กองทุนสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
(8) การก่อสร้างถนนและได้โอนกรรมสิทธิให้แก่ส่วนราชการหรือองค์การของรัฐบาลโดยไม่มีค่าตอบแทน ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่ส่วนราชการหรือองค์การของรัฐบาลผู้รับโอนได้ให้ประชาชนใช้ประโยชน์ในงานดังกล่าว
(แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 85) ใช้บังคับ 1 สิงหาคม 2543 เป็นต้นไป)
(9) การบริจาคทรัพย์สินหรือสินค้าให้แก่ส่วนราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย หรือภัยธรรมชาติในลักษณะทำนองเดียวกัน
(10) การบริจาคทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบกิจการให้แก่ ส่วนราชการ เพื่อบริจาคให้แก่ สถานศึกษาของรัฐ สถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้น ในประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษ แห่งสหประชาชาติ หรือสถาบันอุดมศึกษาซึ่งคณะกรรมการพัฒนาการจัดการศึกษาโดยสถาบันอุดมศึกษา ที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศอนุมัติโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 29/2560 เรื่อง การส่งเสริมการจัดการศึกษาโดยสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ ลงวันที่ 26 พฤษภาคม พุทธศักราช 2560 หรือโรงเรียนเอกชนตามกฎหมาย ว่าด้วยโรงเรียนเอกชน แต่ไม่รวมถึงโรงเรียนนอกระบบตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน
(แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 444)ฯ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป)
(11) การส่งเสริมการแสดงกิจกรรมหรือผลงานสิ่งประดิษฐ์ และการจัดนิทรรศการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ให้แก่หน่วยงานภายใต้การบริหารกิจการขององค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.)
(แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 312) ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2560)
ทั้งนี้ รายจ่ายตามวรรคหนึ่ง ต้องเป็นการจ่ายให้แก่กิจการตามโครงการพระราชดำริ หรือของทางราชการ หรือองค์การของรัฐบาล หรือองค์การกุศลสาธารณะที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามมาตรา 47(7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร
(แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพกร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 68) ใช้บังคับ 1 สิงหาคม 2540 เป็นต้นไป)
ทั้งนี้ รายจ่ายตาม (1) ถึง (11) ต้องเป็นรายจ่ายที่จ่ายให้แก่กิจการตามโครงการพระราชดำริ หรือของทางราชการ หรือองค์การของรัฐบาล หรือองค์การกุศลสาธารณะที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามมาตรา 47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร (ข้อ 1 แห่งประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 44))
4. รายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือรายจ่ายเพื่อการกีฬา
4.1 รายจ่ายเพื่อการศึกษา ได้แก่
รายจ่ายในการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินที่จ่ายให้แก่หรือเพื่อกิจการ ดังต่อไปนี้
(1) สถานศึกษา หอสมุดหรือห้องสมุด หรือสถาบันวิจัย ทั้งนี้
เฉพาะของทางราชการ
(2) การให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา
เป็นการทั่วไป
(3) กระทรวง ทบวง กรม เทศบาล สุขาภิบาล
หรือองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่นอื่นเพื่อสร้างสถานศึกษา หอสมุด
หรือห้องสมุดของทางราชการ
(4) สถานศึกษาที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน
โดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น
และสถานศึกษาที่เป็นสถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
(เพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีฯ เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 54) ใช้บังคับตั้งแต่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 เป็นต้นไป)
4.2 รายจ่ายเพื่อการกีฬา
(1) การกีฬาแห่งประเทศไทย
(2)
คณะกรรมการกีฬาจังหวัดที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการกีฬาแห่งประเทศไทย
เพื่อส่งเสริมกีฬาจังหวัด
(3) กรมพลศึกษา เพื่อการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียน
(4)
สมาคมกีฬาสมัครเล่นที่ได้รับอนุญาตจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (เพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีฯ
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 46) ใช้บังคับตั้งแต่ 1 มกราคม พ.ศ. 2535 เป็นต้นไป)
บริษัทจ่ายเงินเป็นค่าโฆษณา
โดยวิธีการมอบเป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่เรียนดี
และมีความประพฤติดีในโรงเรียนต่างๆ การให้ทุนการศึกษาดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นการโฆษณาบริษัทฯ
จะนำมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิไม่ได้ เพราะต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (13) แห่งประมวลรัษฎากร แต่อย่างไรก็ตามถ้าการให้ทุนการศึกษานั้น บริษัทฯ
ได้ให้กับสถานศึกษาหรือองค์การกุศลสาธารณะตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนดตามมาตรา
47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร แล้ว
ก็เข้าลักษณะเป็นรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ บริษัทฯ
ย่อมนำมาหักเป็นรายจ่ายได้ตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร (หนังสือกรมสรรพากรที่ กค 0804/4650 ลงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2518)
5. ในรอบระยะเวลาบัญชีปีที่ผลประกอบการปรากฏเป็นกำไรสุทธิทางภาษีอากร โดยมีรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ หรือรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา แต่เพียงรายการเดียว ให้ปรับปรุงบวกกลับรายจ่ายดังกล่าว ผลลัพธ์ที่ได้ถือเป็นกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ หรือรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา แล้วแต่กรณี
เนื่องจากรายการรายจ่ายแต่ละรายการดังกล่าว สามารถนำมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ไม่เกิน 2% ของกำไรสุทธิเท่านั้น กล่าวคือ กำไรสุทธิหลังจากหักรายการรายจายดังกล่าว ย่อมคงเหลือเป็นกำไรสุทธิ 100% รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ หรือรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา แต่ละรายการคิดเป็น 2% ของกำไรสุทธิ กำไรก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ หรือรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา จึงคิดเป็น 102% ของกำไรสุทธิ
ดังนั้น เมื่อกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ หรือรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา ซึ่งมีฐานเป็นอัตรา 102% ของกำไรสุทธิ
- รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ จึงคิดเป็น 2/102 ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์
- รายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา จึงคิดเป็น 2/102 ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา
6. ในรอบระยะเวลาบัญชีปีที่ผลประกอบการปรากฏเป็นกำไรสุทธิทางภาษีอากร โดยกิจการมีทั้งรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา ให้ปรับปรุงบวกกลับรายการรายจ่ายทั้งสองรายการดังกล่าว ผลลัพธ์ที่ได้ถือเป็นกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา แล้วแต่กรณี
เนื่องจากรายการรายจ่ายแต่ละรายการดังกล่าว สามารถนำมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ไม่เกิน 2% ของกำไรสุทธิเท่านั้น กล่าวคือ กำไรสุทธิหลังจากหักรายการรายจายดังกล่าว ย่อมคงเหลือเป็นกำไรสุทธิ 100% รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ หรือรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา แต่ละรายการคิดเป็น 2% ของกำไรสุทธิ กำไรก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา จึงคิดเป็น 104% ของกำไรสุทธิ ดังนั้น เมื่อกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ หรือรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา ซึ่งมีฐานเป็นอัตรา 104% ของกำไรสุทธิ
- รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ จึงคิดเป็น 2/104 ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณ หรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา
- รายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา จึงคิดเป็น 2/104 ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา
7. สรุป เงื่อนไขเกี่ยวกับการนำรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือรายจ่ายเพื่อสาธารณประโยชน์
และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือรายจ่ายเพื่อการกีฬา
รายจ่ายเพื่อการสาธารณกุศล
หรือรายจ่ายเพื่อการสาธารณประโยชน์ในส่วนที่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ
และรายจ่ายเพื่อการศึกษา หรือรายจ่ายเพื่อการกีฬา ให้หักได้อีกไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ
(1) ในกรณีที่กิจการมีผลขาดทุนสุทธิทางภาษีอากร
จะนำรายจ่ายดังกล่าวมาถือเป็นรายจ่ายไม่ได้
(2) ในกรณีที่กิจการมีผลกำไรสุทธิทางภาษีอากร
และมีรายจ่ายเพื่อการสาธารณกุศลหรือรายจ่ายเพื่อการสาธารณประโยชน์ เกินกว่าร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ โดยไม่มีรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือรายจ่ายเพื่อการกีฬา
หรือมีแต่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ
รายจ่ายเพื่อการสาธารณกุศลฯ = กำไรก่อนหักรายจ่ายเพื่อการสาธารณกุศลฯ x 2/102
(3) ในกรณีที่กิจการมีผลกำไรสุทธิทางภาษีอากร
และมีรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือรายจ่ายเพื่อการกีฬา เกินกว่าร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ โดยไม่มีรายจ่ายเพื่อการสาธารณกุศล
หรือรายจ่ายเพื่อการสาธารณประโยชน์ หรือมีแต่ไม่เกินร้อยละ 2
ของกำไรสุทธิ
รายจ่ายเพื่อการศึกษา/การกีฬา = กำไรก่อนหักรายจ่ายเพื่อการสาธารณกุศลฯ x 2/102
(4) ในกรณีที่กิจการมีผลกำไรสุทธิทางภาษีอากร
และทั้งรายจ่ายเพื่อการสาธารณกุศลหรือรายจ่ายเพื่อการสาธารณประโยชน์
และรายจ่ายเพื่อการศึกษา หรือรายจ่ายเพื่อการกีฬาเกินกว่าร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ
- รายจ่ายเพื่อการสาธารณกุศลฯ = กำไรก่อนหักรายจ่ายเพื่อการสาธารณกุศลฯ และรายจ่ายเพื่อการศึกษา/การกีฬา x 2/104
- รายจ่ายเพื่อการศึกษา/การกีฬา = กำไรก่อนหักรายจ่ายเพื่อการสาธารณกุศลฯ และรายจ่ายเพื่อการศึกษา/การกีฬา x 2/104