รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ
บทความวันที่ 30 ต.ค. 2559 . เขียนโดย อจ.สุเทพ . เข้าชม 77731 ครั้ง
บทความวันที่ 30 ต.ค. 2559 . เขียนโดย อจ.สุเทพ . เข้าชม 77731 ครั้ง
รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ
จากบทบัญญัติมาตรา 65 ตรี (3)
แห่งประมวลรัษฎากร อาจแยกพิจารณารายจ่ายการกุศลได้ดังนี้
1. รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการกุศล แบ่งเป็น
(1) รายจ่ายเพื่อการกุศลทั่วไปที่มิใช่รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ
หรือเพื่อการสาธารณประโยชน์
(2) รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์
(3) รายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือรายจ่ายเพื่อการกีฬา
2. รายจ่ายเพื่อการกุศลทั่วไป ที่มิใช่รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์หมายถึง
รายจ่ายค่าการกุศล คือ รายจ่ายที่กิจการได้จ่ายไปเพื่อประโยชน์แก่บุคคลอื่น อาทิ
การให้ทาน การช่วยเหลือแก่ผู้ยากไร้ การช่วยเหลือเกื้อกูลแก่บุคคลทั่วไป
การช่วยงานศพ งานบวช ถือเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี
(3) แห่งประมวลรัษฎากร
3. รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์
(1) รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ ได้แก่
รายจ่ายในการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินที่จ่ายให้แก่หรือเพื่อกิจการดังต่อไปนี้
(ก) รัฐบาล
(ข) กระทรวง ทบวง กรม เทศบาล สุขาภิบาล
หรือองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่นอื่นรัฐวิสาหกิจที่มิใช่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
การบริจาคเงินให้กรุงเทพมหานครเนื่องในดอกาสจัดนิทรรศการการทางการแพทย์และอนามัย
เป็นการบริจาคเพื่อการกุศลสาธารณะตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร
(หนังสือกรมสรรพากรที่ กค 0804/2015 ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2520)
บริษัทฯ ผลิตโทรทัศน์
บริจาคเครื่องรับโทรทัศน์ให้แก่กรมประชาสัมพันธ์
เพื่อมอบให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อนำไปติดตั้งที่ศาลาประชาคมหมู่บ้าน
ถือเป็นรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการกุศลสาธารณะ (หนังสือกรมสรรพากรที่ กค 0802/5234 ลงวันที่ 29 เมษายน 2529)
ยกที่ดินให้แก่ทางราชการเพื่อจัดสร้างสวนสาธารณะ
ถือเป็นการบริจาคเพื่อการกุศลสาธารณะตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร
(หนังสือกรมสรรพากรที่ กค 0804/1855 ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2521)
(ค) โรงพยาบาลของรัฐบาล หรือโรงพยาบาลขององค์การของรัฐบาล
(ง) สภากาชาดไทย
(จ) วัดวาอาราม
บริจาคเงินให้แก่โบสถ์คริสต์
ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ ตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร
(หนังสือกรมสรรพากรที่ กค 0804/2040 ลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2525)
(ฉ)
มูลนิธิหรือสมาคมที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนด
ให้เป็นองค์การสาธารณกุศล ตามมาตรา 47(7)(ข)
แห่งประมวลรัษฎากร
การที่บริษัทฯ
บริจาคเงินให้แก่สมาคม ไม่ถือว่าเป็นกิจการบริจาคเพื่อการกุศลสาธารณะ
เพราะสมาคมจัดตั้งขึ้นเพื่อประโยชน์ของกลุ่มสมาชิกของตนเท่านั้น ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร
แต่ถ้าบริจาคให้แก่สมาคมต่อต้านโรคมะเร็งแห่งประเทศไทย ถือเป็นรายจ่ายได้ร้อยละ 1 ของกำไรสุทธิ (ปัจจุบันเพิ่มเป็นร้อยละ 2
ของกำไรสุทธิ) (หนังสือกรมสรรพากรที่ กค 0804/6939 ลงวันที่ 14 มิถุนายน 2515)
ทั้งนี้
ไม่ว่าจะมีรายชื่ออยู่ในเวบไซต์ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th/publish/29157.0.html หรือไม่ก็ตาม
แต่ถ้ามีก็นับว่าปลอดภัยกว่า หรือแน่นอกว่า
เพราะไม่ต้องพิสูจน์ความเป็นองค์การกุศลสาธารณะของหน่วยงานที่รับบริจาค
นอกจากนี้รายชื่อองค์การกุศลดังกล่าว เป็นรายชื่อมูลนิธื สมาคม
องค์การสาธารณกุศลที่บุคคลธรรมดาบริจาคแล้วสามารถนำเงินบริจาคมาหักลดหย่อนในการคำนวณเงินได้สุทธิตามมาตรา
47 (7) แห่งประมวลรัษฎากร เท่านั้น
(ช) องค์การสาธารณกุศลอื่นๆ เช่น กิจการแพทย์หลวง
(หนังสือกรมสรรพากรที่ กค 0804/11050 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2519) องค์การยูนิเซฟ
(หนังสือกรมสรรพากรที่ กค 0802/10858 ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2527)
(2) รายจ่ายเพื่อการสาธารณประโยชน์ ได้แก่
รายจ่ายที่จ่ายให้แก่หรือเพื่อกิจการดังต่อไปนี้
(ก) การส่งเสริม อนุรักษ์
และรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครอง
ตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนปละคุ้มครองสัตว์ป่า
(ข)
การคุ้มครองและดูแลรักษาอุทยานแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ
(ค)
การคุ้มครองและรักษาป่าสงวนแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ
(ง) การส่งเสริม คุ้มครอง
และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริม
และรักษาคุณภาพคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(จ) การควบคุม ป้องกัน แก้ไข
ตลอดจนการลดและขจัดอันตรายอันเกิดจากการแพร่กระจายของมลพิษหรือภาวะมลพิษและของเสียอันตราย
ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
(ฉ) กองทุนสิ่งแวดล้อม
ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ทั้งนี้ รายจ่ายตาม (ก) ถึง (ฉ)
ต้องเป็นรายจ่ายที่จ่ายให้แก่กิจการตามโครงการพระราชดำริ หรือของทางราชการ
หรือองค์การของรัฐบาล หรือองค์การกุศลสาธารณะที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามมาตรา 47(7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร (ข้อ 1 แห่งประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 44))
4. รายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือรายจ่ายเพื่อการกีฬา
(1) รายจ่ายเพื่อการศึกษา ได้แก่
รายจ่ายในการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินที่จ่ายให้แก่หรือเพื่อกิจการ ดังต่อไปนี้
(ก) สถานศึกษา หอสมุดหรือห้องสมุด หรือสถาบันวิจัย ทั้งนี้
เฉพาะของทางราชการ
(ข) การให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา
เป็นการทั่วไป
(ค) กระทรวง ทบวง กรม เทศบาล สุขาภิบาล
หรือองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่นอื่นเพื่อสร้างสถานศึกษา หอสมุด
หรือห้องสมุดของทางราชการ
(ง) สถานศึกษาที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน
โดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น
และสถานศึกษาที่เป็นสถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
(เพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีฯ เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 54) ใช้บังคับตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2538 เป็นต้นไป)
(2) รายจ่ายเพื่อการกีฬา
(ก) การกีฬาแห่งประเทศไทย
(ข)
คณะกรรมการกีฬาจังหวัดที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการกีฬาแห่งประเทศไทย
เพื่อส่งเสริมกีฬาจังหวัด
(ค) กรมพลศึกษา เพื่อการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียน
(ง)
สมาคมกีฬาสมัครเล่นที่ได้รับอนุญาตจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (เพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีฯ
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 46) ใช้บังคับตั้งแต่ 1 มกราคม 2535 เป็นต้นไป)
บริษัทจ่ายเงินเป็นค่าโฆษณา
โดยวิธีการมอบเป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่เรียนดี
และมีความประพฤติดีในโรงเรียนต่างๆ การให้ทุนการศึกษาดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นการโฆษณาบริษัทฯ
จะนำมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิไม่ได้ เพราะต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (13) แห่งประมวลรัษฎากร แต่อย่างไรก็ตามถ้าการให้ทุนการศึกษานั้น บริษัทฯ
ได้ให้กับสถานศึกษาหรือองค์การกุศลสาธารณะตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนดตามมาตรา
47(7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร แล้ว
ก็เข้าลักษณะเป็นรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ บริษัทฯ
ย่อมนำมาหักเป็นรายจ่ายได้ตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร (หนังสือกรมสรรพากรที่ กค 0804/4650 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2518)
5. เงื่อนไขเกี่ยวกับการนำรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือรายจ่ายเพื่อสาธารณประโยชน์
และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือรายจ่ายเพื่อการกีฬา
รายจ่ายเพื่อการสาธารณกุศล
หรือรายจ่ายเพื่อการสาธารณประโยชน์ในส่วนที่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ
และรายจ่ายเพื่อการศึกษา หรือรายจ่ายเพื่อการกีฬา ให้หักได้อีกไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ
(1) ในกรณีที่กิจการมีผลขาดทุนสุทธิทางภาษีอากร
จะนำรายจ่ายดังกล่าวมาถือเป็นรายจ่ายไม่ได้
(2) ในกรณีที่กิจการมีผลกำไรสุทธิทางภาษีอากร
และมีรายจ่ายเพื่อการสาธารณกุศลหรือรายจ่ายเพื่อการสาธารณประโยชน์ เกินกว่าร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ โดยไม่มีรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือรายจ่ายเพื่อการกีฬา
หรือมีแต่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ
รายจ่ายเพื่อการสาธารณกุศลฯ = กำไรก่อนหักรายจ่ายเพื่อการสาธารณกุศลฯ x 2/102
(3) ในกรณีที่กิจการมีผลกำไรสุทธิทางภาษีอากร
และมีรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือรายจ่ายเพื่อการกีฬา เกินกว่าร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ โดยไม่มีรายจ่ายเพื่อการสาธารณกุศล
หรือรายจ่ายเพื่อการสาธารณประโยชน์ หรือมีแต่ไม่เกินร้อยละ 2
ของกำไรสุทธิ
รายจ่ายเพื่อการศึกษา/การกีฬา = กำไรก่อนหักรายจ่ายเพื่อการสาธารณกุศลฯ x 2/102
(4) ในกรณีที่กิจการมีผลกำไรสุทธิทางภาษีอากร
และทั้งรายจ่ายเพื่อการสาธารณกุศลหรือรายจ่ายเพื่อการสาธารณประโยชน์
และรายจ่ายเพื่อการศึกษา หรือรายจ่ายเพื่อการกีฬาเกินกว่าร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ
รายจ่ายเพื่อการสาธารณกุศลฯ = กำไรก่อนหักรายจ่ายเพื่อการสาธารณกุศลฯ
และรายจ่าย
เพื่อการศึกษา/การกีฬา x 2/104
รายจ่ายเพื่อการศึกษา/การกีฬา =
กำไรก่อนหักรายจ่ายเพื่อการสาธารณกุศลฯและรายจ่าย
เพื่อการศึกษา/การกีฬา x 2/104