รางวัลอันเนื่องมาจากการเข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬา
บทความวันที่ 6 ส.ค. 2567 . เขียนโดย อจ.สุเทพ . เข้าชม 106 ครั้ง
บทความวันที่ 6 ส.ค. 2567 . เขียนโดย อจ.สุเทพ . เข้าชม 106 ครั้ง
รางวัลอันเนื่องมาจากการเข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬา
เงินได้ที่นักกีฬาและผู้ฝึกสอนกีฬาได้รับจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี
เพื่อเป็นรางวัลอันเนื่องมาจากการเข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬา และรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ
เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร
ซึ่งตามมาตรา
42 (28) แห่งประมวลรัษฎากร แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 40)
พ.ศ. 2558 ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เป็นต้นไป
ได้กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยาหรือจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหสรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี
ทั้งนี้ จากบุคคลซึ่งมิใช่บุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรสเฉพาะเงินได้ในส่วนที่ไม่เกินสิบล้านบาทตลอดปีภาษีนั้น
ดังนี้
“มาตรา 42 เงินได้พึงประเมินประเภทต่อไปนี้
ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
(28) เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยาหรือจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหสรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี
ทั้งนี้ จากบุคคลซึ่งมิใช่บุพการี ผู้สืบสันดาน
หรือคู่สมรส เฉพาะเงินได้ในส่วนที่ไม่เกินสิบล้านบาทตลอดปีภาษีนั้น”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาศัยอำนาจตามมาตรา 42 (17)
แห่งประมวลรัษฎากร ออกกฎกระทรวง
ฉบับที่ 325 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
เพิ่มเติม (93) ของข้อ 2 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509)
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร กำหนดให้ยกเว้นเงินได้ที่นักกีฬาและผู้ฝึกสอนกีฬาได้รับจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี
เพื่อเป็นรางวัลอันเนื่องมาจากการเข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬา และรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ
เฉพาะส่วนที่เกินสิบล้านบาท ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกําหนด โดยให้ใช้บังคับสําหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่
1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เป็นต้นไป ดังนี้
“ข้อ
2 ให้กำหนดเงินได้ต่อไปนี้เป็นเงินได้ตาม (17) ของมาตรา 42
แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496
(93)
เงินได้ที่นักกีฬาและผู้ฝึกสอนกีฬาได้รับจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี
เพื่อเป็นรางวัลอันเนื่องมาจากการเข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬา และรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ
เฉพาะส่วนที่เกินสิบล้านบาท ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกําหนด”
ทั้งนี้ โดยหมายเหตุเหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้
คือ โดยที่มาตรา 42 (28)
แห่งประมวลรัษฎากรบัญญัติให้เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยาหรือจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี
ทั้งนี้ จากบุคคลซึ่งมิใช่บุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส
เฉพาะเงินได้ในส่วนที่ไม่เกินสิบล้านบาทตลอดปีภาษีนั้น
ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคํานวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
อันมีผลทําให้ต้องมีการจัดเก็บภาษีสําหรับเงินได้ที่นักกีฬาและผู้ฝึกสอนกีฬาได้รับจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี
เพื่อเป็นรางวัลอันเนื่องมาจากการเข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬาและรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ
เพื่อเป็นการสนับสนุนนักกีฬาและผู้ฝึกสอนกีฬาที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ
สมควรกําหนดให้เงินได้ดังกล่าวเฉพาะส่วนที่ได้รับเกินสิบล้านบาท
เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคํานวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
จึงจําเป็นต้องออกกฎกระทรวง
อาศัยอํานาจตามความในข้อ
2 (93) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 325 (พ.ศ. 2560)
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร อธิบดีกรมสรรพากรออกประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 293) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข
เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ที่นักกีฬา และผู้ฝึกสอนกีฬา ได้รับจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี
เพื่อเป็นรางวัล อันเนื่องมาจากการเข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬาและรายการแข้งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ
เฉพาะส่วนที่เกินสิบล้านบาท ลงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2560 กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สําหรับเงินได้ที่นักกีฬา และผู้ฝึกสอนกีฬาได้รับจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี
เพื่อเป็นรางวัลอันเนื่องมาจากการเข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬาและรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ
เฉพาะส่วนที่เกินสิบล้านบาท ดังต่อไปนี้
“ข้อ 1 ในประกาศนี้
“นักกีฬา”
หมายความว่า บุคคลซึ่งเข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬาและรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ
“ผู้ฝึกสอนกีฬา”
หมายความว่า ผู้ฝึกสอนกีฬาที่ฝึกสอนนักกีฬา ซึ่งเข้าร่วมการแข่งขัน รายการมหกรรมกีฬาและรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ
“สมาคมกีฬา”
หมายความว่า สมาคมกีฬาที่ได้รับอนุญาตให้ใช้คําว่า “แห่งประเทศไทย” และ
คําว่า “แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์”
“การแข่งขันรายการมหกรรมกีฬา”
หมายความว่า การแข่งขันกีฬา ที่คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
หรือคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย ส่งเข้าแข่งขันดังต่อไปนี้
(1)
โอลิมปิกเกมส์ (ฤดูร้อน – ฤดูหนาว)
(2)
พาราลิมปิกเกมส์
(3)
เอเชี่ยนเกมส์ (ฤดูร้อน – ฤดูหนาว)
(4)
อาเซียนพาราเกมส์
(5)
เอเชี่ยนพาราเกมส์
(6)
เอเชี่ยนอินดอร์มาเชี่ยลอาร์ทเกมส์
(7)
เอเชี่ยนบีชเกมส์
(8)
ซีเกมส์
“การแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ”
หมายความว่า การแข่งขันกีฬา ที่สมาคมกีฬาส่งเข้าแข่งขัน ดังนี้
(1)
การแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งโลก
(2)
การแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย
(3)
การแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งอาเซียน หรือ
(4)
รายการแข่งขันระดับนานาชาติที่สหพันธ์กีฬานานาชาติเป็นเจ้าของการจัดการแข่งขัน
ข้อ 2 นักกีฬา และผู้ฝึกสอนกีฬา
ต้องได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการกีฬาแห่งประเทศไทย ให้เข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬาและรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติในนามทีมชาติไทย
ข้อ
3
นักกีฬา และผู้ฝึกสอนกีฬาต้องได้รับเงินจากการให้โดยเสน่หาเพื่อเป็นรางวัลอันเนื่องมาจากการเข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬาและรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติจากภาครัฐ
หรือเอกชน โดยไม่มีข้อผูกพันต้องกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดเป็นการตอบแทน ให้แก่ผู้ให้
หรือบุคคลอื่น ทั้งนี้ เงินรางวัลดังกล่าว จะต้องได้รับภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่การแข่งขันสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ
ข้อ
4
ผู้มีเงินได้ซึ่งได้รับรางวัลดังกล่าว จะต้องแสดงหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าได้รับเงินจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี
เพื่อเป็นรางวัลอันเนื่องมาจากการเข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬาและรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ
ข้อ
5
ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 เป็นต้นไป”
จากบทบัญญัติดังกล่าว
เป็นที่สบายใจได้ว่านักกีฬาของประเทศไทย และผู้ฝึกสอนกีฬา ในนามทีมชาติไทย ได้รับรางวัลอันเนื่องมาจากการเข้าร่วมการแข่งขัน
ตามองค์ประกอบดังต่อไปนี้ นอกจากได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 42
(28) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งบัญญัติให้เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา
หรือจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธี หรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี ทั้งนี้
จากบุคคลซึ่งมิใช่บุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส
เฉพาะเงินได้ในส่วนที่ไม่เกินสิบล้านบาทตลอดปีภาษีนั้น แล้วในฐานะผู้เสียสละสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติ
ยังได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามข้อ 2 (93) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่
126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง
ฉบับที่ 325 (พ.ศ. 2560) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
ประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 293) เรื่อง
กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ที่นักกีฬา และผู้ฝึกสอนกีฬา
ได้รับจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี เพื่อเป็นรางวัล
อันเนื่องมาจากการเข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬาและรายการแข้งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ
เฉพาะส่วนที่เกินสิบล้านบาท ลงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2560 ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
ประการที่หนึ่ง นักกีฬาของประเทศไทย
และผู้ฝึกสอนกีฬาที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการกีฬาแห่งประเทศไทย ให้เข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬาและรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติในนามทีมชาติไทย
ดังต่อไปนี้
“การแข่งขันรายการมหกรรมกีฬา”
หมายความว่า การแข่งขันกีฬา ที่คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
หรือคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย ส่งเข้าแข่งขันดังต่อไปนี้
(1)
โอลิมปิกเกมส์ (ฤดูร้อน – ฤดูหนาว)
(2)
พาราลิมปิกเกมส์
(3)
เอเชี่ยนเกมส์ (ฤดูร้อน – ฤดูหนาว)
(4)
อาเซียนพาราเกมส์
(5)
เอเชี่ยนพาราเกมส์
(6)
เอเชี่ยนอินดอร์มาเชี่ยลอาร์ทเกมส์
(7)
เอเชี่ยนบีชเกมส์
(8)
ซีเกมส์
“การแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ”
หมายความว่า การแข่งขันกีฬาที่สมาคมกีฬาส่งเข้าแข่งขัน ดังนี้
(1)
การแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งโลก
(2)
การแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย
(3)
การแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งอาเซียน หรือ
(4)
รายการแข่งขันระดับนานาชาติที่สหพันธ์กีฬานานาชาติเป็นเจ้าของการจัดการแข่งขัน
ประการที่สอง เป็นเงินได้จากการให้โดยเสน่หา
เพื่อเป็นรางวัลอันเนื่องมาจากการเข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬาและรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติจากภาครัฐ
หรือเอกชน
ประการที่สาม เป็นการรับรางวัลดังกล่าว โดยไม่มีข้อผูกพันต้องกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดเป็นการตอบแทน
ให้แก่ผู้ให้ หรือบุคคลอื่น
ประการที่สี่ ทั้งนี้
เงินรางวัลซึ่งเข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8)
แห่งประมวลรัษฎากร ดังกล่าว เฉพาะเงินได้ในส่วนที่ไม่เกิน 10 ล้านบาทจะต้องได้รับภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่การแข่งขันสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ
กรณีของนักกีฬาแบดมินตัน
“วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักกีฬาเทควันโด “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ
"ใบเตย" ศศิกานต์ ทองจันทร์ "หยู" บัลลังก์
ทับทิมแดง นักมวยสากลหญิง “บี” จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง เป็นต้น
รวมทั้งผู้ฝึกสอนที่จะได้รับเงินรางวัลอันเนื่องมาจากการเข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬาโอลิมปิก
2024 จากทั้งการกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาที่ได้รับอนุญาตให้ใช้คําว่า “แห่งประเทศไทย”
และ คําว่า “แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์” หรือจากภาครัฐ หรือเอกชน
นอกจากจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในส่วนที่ไม่เกิน 10 ล้านบาทตลอดปีภาษีนั้น
ตามมาตรา 42 (28) แห่งประมวลรัษฎากร ที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา
หรือจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธี หรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี ทั้งนี้
จากบุคคลซึ่งมิใช่บุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส แล้ว หากเงินรางวัลมีจำนวนเกินกว่า
10 ล้านบาท ก็จะยังคงได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยไม่จำกัดจำนวน ตามข้อ
2 (93) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
ประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 293) ฯ ลงวันที่
31 มีนาคม พ.ศ. 2560
---------------------------------
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 293)
เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ที่นักกีฬา และผู้ฝึกสอนกีฬา
ได้รับจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี
เพื่อเป็นรางวัลอันเนื่องมาจากการเข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬาและ
รายการแข้งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ
เฉพาะส่วนที่เกินสิบล้านบาท
---------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในข้อ
2 (93) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 325 (พ.ศ. 2560)
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สําหรับเงินได้ที่นักกีฬา และผู้ฝึกสอนกีฬาได้รับจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี
เพื่อเป็นรางวัลอันเนื่องมาจากการเข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬาและรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ
เฉพาะส่วนที่เกินสิบล้านบาท ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ในประกาศนี้
“นักกีฬา”
หมายความว่า บุคคลซึ่งเข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬาและรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ
“ผู้ฝึกสอนกีฬา”
หมายความว่า ผู้ฝึกสอนกีฬาที่ฝึกสอนนักกีฬา ซึ่งเข้าร่วมการแข่งขัน รายการมหกรรมกีฬาและรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ
“สมาคมกีฬา”
หมายความว่า สมาคมกีฬาที่ได้รับอนุญาตให้ใช้คําว่า “แห่งประเทศไทย” และ คําว่า “แห่งประเทศไทย
ในพระบรมราชูปถัมภ์”
“การแข่งขันรายการมหกรรมกีฬา”
หมายความว่า การแข่งขันกีฬา ที่คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
หรือคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย ส่งเข้าแข่งขันดังต่อไปนี้
(1)
โอลิมปิกเกมส์ (ฤดูร้อน – ฤดูหนาว)
(2)
พาราลิมปิกเกมส์
(3)
เอเชี่ยนเกมส์ (ฤดูร้อน – ฤดูหนาว)
(4)
อาเซียนพาราเกมส์
(5)
เอเชี่ยนพาราเกมส์
(6)
เอเชี่ยนอินดอร์มาเชี่ยลอาร์ทเกมส์
(7)
เอเชี่ยนบีชเกมส์
(8)
ซีเกมส์
“การแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ”
หมายความว่า การแข่งขันกีฬา ที่สมาคมกีฬาส่งเข้าแขงงขัน ดังนี้
(1)
การแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งโลก
(2)
การแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย
(3)
การแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งอาเซียน หรือ
(4)
รายการแข่งขันระดับนานาชาติที่สหพันธ์กีฬานานาชาติเป็นเจ้าของการจัดการแข่งขัน
ข้อ 2 นักกีฬา และผู้ฝึกสอนกีฬา
ต้องได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการกีฬาแห่งประเทศไทย ให้เข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬาและรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติในนามทีมชาติไทย
ข้อ
3
นักกีฬา และผู้ฝึกสอนกีฬาต้องได้รับเงินจากการให้โดยเสน่หาเพื่อเป็นรางวัลอันเนื่องมาจากการเข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬาและรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติจากภาครัฐ
หรือเอกชน โดยไม่มีข้อผูกพันต้องกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดเป็นการตอบแทน ให้แก่ผู้ให้
หรือบุคคลอื่น ทั้งนี้ เงินรางวัลดังกล่าว จะต้องได้รับภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่การแข่งขันสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ
ข้อ
4
ผู้มีเงินได้ซึ่งได้รับรางวัลดังกล่าว จะต้องแสดงหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าได้รับเงินจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี
เพื่อเป็นรางวัลอันเนื่องมาจากการเข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬาและรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ
ข้อ
5
ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 31 มีนาคม
พ.ศ. 2560
ประสงค์ พูนธเนศ
อธิบดีกรมสรรพากร
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม
134 ตอนที่ 37 ง หน้า 115 – 117 ลว. 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2560