ภาษีเงินได้ของสามีภริยา
บทความวันที่ 5 ธ.ค. 2566 . เขียนโดย อจ.สุเทพ . เข้าชม 289 ครั้ง
บทความวันที่ 5 ธ.ค. 2566 . เขียนโดย อจ.สุเทพ . เข้าชม 289 ครั้ง
ภาษีเงินได้ของสามีภริยา
ตามมาตรา 57 ฉ
แห่งประมวลรัษฎากร แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 18)
พ.ศ. 2555 ใช้บังคับสำหรับเงินได้ปีภาษี 2555 เป็นต้นไป ได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขเกี่ยวกับการเสียภาษีเงินได้ของสามีและภริยาดังนี้
“มาตรา
57 ฉ
ในการเก็บภาษีเงินได้จากสามีและภริยานั้น
ให้สามีและภริยาต่างฝ่ายต่างมีหน้าที่ยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินที่ตนได้รับในระหว่างปีภาษีที่ล่วงมาแล้วตามมาตรา
56
ในกรณีที่เงินได้พึงประเมินไม่อาจแยกได้อย่างชัดแจ้งว่าเป็นของสามีหรือภริยาแต่ละฝ่ายจำนวนเท่าใด
ให้ถือเป็นเงินได้พึงประเมินของสามีและภริยาฝ่ายละกึ่งหนึ่ง
เว้นแต่เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 ( 8 ) สามีและภริยาจะแบ่งเงินได้พึงประเมินเป็นของแต่ละฝ่ายตามส่วนที่ตกลงกันก็ได้
แต่รวมกันต้องไม่น้อยกว่าเงินได้พึงประเมินที่ได้รับ ถ้าตกลงกันไม่ได้
ให้ถือเป็นเงินได้พึงประเมินของสามีและภริยา ฝ่ายละกึ่งหนึ่ง
สามีและภริยาจะตกลงยื่นรายการและเสียภาษีรวมกัน
โดยให้ถือเอาเงินได้พึงประเมินของตนเป็นเงินได้ของสามีหรือภริยาอีกฝ่ายหนึ่งก็ได้
หรือจะแยกยื่นรายการและเสียภาษีเฉพาะส่วนที่เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) โดยมิให้ถือเอาเป็นเงินได้ของอีกฝ่ายหนึ่งก็ได้แต่ถ้ามีภาษีค้างชำระสามีและภริยาต้องร่วมรับผิดในการเสียภาษีที่ค้างชำระนั้น
เมื่อได้เลือกยื่นรายการตามวรรคสองและวรรคสามในปีภาษีใดแล้ว ให้ถือว่าเป็นวิธีการยื่นรายการสำหรับปีภาษีนั้นตลอดไป เว้นแต่อธิบดีจะอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงวิธีการเลือกยื่นรายการดังกล่าว"
จากบทบัญญัติดังกล่าว
อาจแยกพิจารณาหลักการจัดเก็บภาษีเงินได้จากสามีและภริยาได้ดังนี้
1. กรณีที่สามารถแยกได้อย่างชัดแจ้งว่า
เงินได้พึงประเมินเป็นของสามีหรือภริยาแต่ละฝ่ายจำนวนเท่าใด (มาตรา 57 ฉ วรรคแรก แห่งประมวลรัษฎากร)
1.1
กรณีมีเงินได้พึงประเมินแต่เพียงฝ่ายเดียว
ให้ฝ่ายที่มีเงินได้เป็นผู้มีหน้าที่ยื่นรายการและเสียภาษีเงินได้จากเงินได้ของตน
1.2 กรณีต่างฝ่ายต่างมีเงินได้
ให้สามีและภริยาต่างฝ่ายต่างมีหน้าที่ยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินที่ตนได้รับในระหว่างปีภาษีที่ล่วงมาแล้วตามมาตรา
56 แห่งประมวลรัษฎากร
2. กรณีที่เงินได้พึงประเมินไม่อาจแยกได้อย่างชัดแจ้งว่าเป็นของสามีหรือภริยาแต่ละฝ่ายจำนวนเท่าใด
2.1
สำหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) – (7) แห่งประมวลรัษฎากร
ให้ถือเป็นเงินได้พึงประเมินดังกล่าวเป็นของสามีและภริยาฝ่ายละกึ่งหนึ่ง
2.2
สำหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร
(1) สามีและภริยาจะแบ่งเงินได้พึงประเมินเป็นของแต่ละฝ่ายตามส่วนที่ตกลงกันก็ได้
แต่รวมกันต้องไม่น้อยกว่าเงินได้พึงประเมินที่ได้รับ
(2) ถ้าตกลงกันไม่ได้
ให้ถือเป็นเงินได้พึงประเมินของสามีและภริยา ฝ่ายละกึ่งหนึ่ง
ทั้งนี้
เมื่อได้เลือกแบ่งแบ่งเงินได้พึงประเมินตามวิธีการดังกล่าว
และได้ยื่นรายการในปีภาษีใด เป็นอย่างใดแล้ว
ให้ถือว่าเป็นวิธีการยื่นรายการสำหรับปีภาษีนั้นตลอดไป
เว้นแต่อธิบดีจะอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงวิธีการเลือกยื่นรายการดังกล่าว
3. การเลือกเสียภาษีเงินได้ของสามีและภริยา
สามีและภริยาจะตกลงยื่นรายการและเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากเงินได้พึงประเมินที่แต่ละฝ่ายได้รับดังนี้
3.1
สามีและภริยาจะตกลงยื่นรายการและเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
โดยให้ถือเอาเงินได้พึงประเมินทั้งหมดของภริยา เป็นของสามีก็ได้ หรือ
3.2
สามีและภริยาจะตกลงยื่นรายการและเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
โดยให้ถือเอาเงินได้พึงประเมินทั้งหมดของสามี เป็นของภริยาก็ได้ หรือ
3.3
สามีและภริยาจะตกลงยื่นรายการและเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
โดยให้ถือเอาเงินได้พึงประเมินทั้งหมดของภริยา เว้นแต่เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40
(1) แห่งประมวลรัษฎากร เป็นของสามีก็ได้ หรือ
3.4
สามีและภริยาจะตกลงยื่นรายการและเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
โดยให้ถือเอาเงินได้พึงประเมินทั้งหมดของสามี เว้นแต่เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40
(1) แห่งประมวลรัษฎากร เป็นของภริยาก็ได้
ทั้งนี้
เมื่อได้เลือกยื่นรายการดังกล่าวในปีภาษีใด เป็นอย่างใดแล้ว
ให้ถือว่าเป็นวิธีการยื่นรายการสำหรับปีภาษีนั้นตลอดไป
เว้นแต่อธิบดีจะอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงวิธีการเลือกยื่นรายการดังกล่าว
ตัวอย่าง กรณีค่าเช่าบ้าน (อันเป็นสินส่วนตัวของสามี) ถือเป็นดอกผลจากทรัพย์สินส่วนตัว เมื่อได้มาระหว่างสมรสย่อมถือเป็นสินสมรสตามกฎหมาย คำถาม คือ เงินได้จากค่าเช่าบ้านดังกล่าว สามารถแบ่งให้ภรรยา กึ่งหนึ่งตามมาตรา 57 ฉ แห่งประมวลรัษฎากรได้หรือไม่
คำตอบ ตามมาตรา 57 ฉ แห่งประมวลรัษฎากร ไม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสินส่วนตัว หรือสินสมรส ไว้แต่ประการใด หากแต่กล่าวเป็นกลางๆ ว่าเป็นเงินได้ของฝ่ายสามีหรือฝ่ายภริยา ดังนั้น การแบ่งเงินได้พึงประเมินจากการให้เช่าบ้านอันเป็นสินส่วนตัวของสามี ที่ได้มาระหว่างสมรสถือเป็นดอกผลจากทรัพย์สินส่วนตัว ย่อมถือเป็นสินสมรสตามกฎหมาย ของคู่สมรส เงินได้จากค่าเช่าบ้านดังกล่าว อันเป็นเงินได้พึงประเมินของสามี ย่อมสามารถแบ่งให้ภริยากึ่งหนึ่ง โดยชอบด้วยกฎหมาย