ภาษีเงินได้นิติบุคคลหัก ณ ที่จ่าย กรณีการขนส่งสินค้าทางทะเล
บทความวันที่ 3 ก.ย. 2559 . เขียนโดย อจ.สุเทพ . เข้าชม 3532 ครั้ง
บทความวันที่ 3 ก.ย. 2559 . เขียนโดย อจ.สุเทพ . เข้าชม 3532 ครั้ง
ภาษีเงินได้นิติบุคคลหัก ณ ที่จ่าย กรณีการขนส่งสินค้าทางทะเล
เลขที่หนังสือ :
กค 0811/10115
วันที่ :
22
ตุลาคม 2544
เรื่อง :
ภาษีเงินได้นิติบุคคลหัก ณ ที่จ่าย กรณีการขนส่งสินค้าทางทะเล
ข้อกฎหมาย :
มาตรา 65, มาตรา
67, มาตรา 79, คำสั่งกรมสรรพากร ที่
ท.ป. 4/2528ฯ
ข้อหารือ :
สมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ
(Thai International Freight
Forwarders Association) ได้หารือกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้หัก
ณ ที่จ่าย กรณีการขนส่งสินค้าทางทะเล ซึ่งสรุปสาระสำคัญดังนี้
1. กรณีการขนส่งสินค้าทางทะเลขาออก
1.1 ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 234
(พ.ศ. 2544) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้
กำหนดให้การจ่ายค่าขนส่งอยู่ในบังคับต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 1.0 สมาคมฯเข้าใจว่า ค่าขนส่งของการขนส่งสินค้าทางทะเลขาออกหมายถึง ค่าระวาง
(Freight) และประโยชน์อื่นใดเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าขาออก
ได้แก่ ค่า CFS, THC และ B/L fee แต่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติทั้งในส่วนราชการและเอกชนบางรายมีความเข้าใจว่า
ค่าขนส่งของการขนส่งสินค้าทางทะเลขาออก หมายถึงเฉพาะค่าระวาง (Freight) เท่านั้น
1.2
ผู้ประกอบกิจการให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศโดยเรือเดินทะเล (Freight
Forwarder) มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 โดยคำนวณจากค่าระวาง (Freight) และประโยชน์อื่นใดเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าขาออก
ได้แก่ ค่า CFS, THC และ B/L fee
2. กรณีการขนส่งสินค้าทางทะเลขาเข้า
2.1 กรณี Freight Forwarder ในประเทศไทย
ได้กระทำการในฐานะเป็น ตัวแทน ของ Forwarder ในต่างประเทศ
เมื่อผู้ใช้บริการ (Consignee) จ่ายค่าระวาง (Freight)
และประโยชน์อื่นใดเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าขาเข้า (CFS, THC,
D/O fee, Status Fee) ให้กับ Freight Forwarder ผู้ใช้บริการไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย
เนื่องจากเป็นการจ่ายค่าขนส่งสินค้าทางทะเลขาเข้า
ซึ่งไม่เป็นฐานภาษีในการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรา 67 แห่งประมวลรัษฎากร แต่ผู้ใช้บริการยังมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ
ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 ของค่าบริการ (Handling
Charge) ที่จ่ายให้กับ Freight Forwarder
2.2 Freight Forwarder ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากค่าระวาง
(Freight) และประโยชน์อื่นใดเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าขาเข้า (CFS,
THC, D/O fee, Status Fee)เนื่องจากค่าระวางและประโยชน์อื่นใดเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าขาเข้า
ไม่เป็นฐานภาษีในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 79/1 (2) แห่งประมวลรัษฎากร
แต่ Freight Forwarder มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากค่าบริการ
(Handling Charge) ในอัตราร้อยละ 7.0
3. สมาคมฯ
หารือว่า ความเข้าใจของสมาคมถูกต้องหรือไม่
แนววินิจฉัย :
1. ฐานภาษีสำหรับการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศโดยสายการเดินเรือไทย
และสายการเดินเรือต่างประเทศ
ซึ่งต้องนำไปรวมคำนวณเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 65
และมาตรา 67 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 1 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.54/2537 เรื่อง การเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่ม
สำหรับกิจการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศโดยเรือเดินทะเล
และสำหรับกิจการให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศโดยเรือเดินทะเลลงวันที่
8 ธันวาคม พ.ศ. 2537 และข้อ 2 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป. 55/2538 เรื่อง ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่ม
ฐานภาษีสำหรับการให้บริการรับขนคนโดยสารหรือสินค้าระหว่างประเทศ ลงวันที่ 25 มกราคม พ.ศ.2538 หมายถึงกรณีดังต่อไปนี้
(1) กรณีสายการเดินเรือไทย
และสายการเดินเรือต่างประเทศรับขนของให้ผู้รับบริการโดยตรง รายได้ที่ต้องนำมารวมคำนวณเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
หมายถึง รายได้ที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการรับขนของออกนอกประเทศไทยตามมูลค่าของค่าระวาง
ค่าธรรมเนียม และประโยชน์อื่นใดตามที่ระบุในใบตราส่งสินค้า (บิลออฟเลดิง)
ไม่ว่าจะเรียกเก็บในหรือนอกประเทศไทย
(2) กรณีสายการเดินเรือไทย
และสายการเดินเรือต่างประเทศรับขนของให้ผู้รับบริการโดยผ่านผู้ประกอบกิจการให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศโดยเรือเดินทะเล
(Freight Forwarder) รายได้ที่ต้องนำมารวมคำนวณเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
หมายถึง รายได้ที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการรับขนของออกนอกประเทศไทยตามมูลค่าของค่าระวาง
ค่าธรรมเนียม และประโยชน์อื่นใดตามที่ระบุในใบตราส่งสินค้า (บิลออฟเลดิง)
ที่สายการเดินเรือไทย หรือสายการเดินเรือต่างประเทศออกให้กับ Freight
Forwarder ไม่ว่าจะเรียกเก็บในหรือนอกประเทศไทยดังนั้น
กรณีผู้ใช้บริการ (Shipper หรือ Forwarder) จ่ายค่าระวาง ค่าธรรมเนียมและประโยชน์อื่นใดตามที่ระบุในใบตราส่งสินค้า (Master
Bill of Lading) ให้กับสายการเดินเรือ โดยสายการเดินเรือออกใบเสร็จรับเงินในนามผู้ใช้บริการ
หรือกรณีเจ้าของสินค้า (Shipper) จ่ายค่าระวาง ค่าธรรมเนียม และประโยชน์อื่นใดตามที่ระบุในใบตราส่งสินค้าของสายการเดินเรือ
(Master Bill of Lading) ให้กับ Forwarder โดย Forwarder ออกใบเสร็จรับเงินในนามของเจ้าของสินค้าหรือกรณีผู้ใช้บริการ
(Shipper หรือ Forwarder A) จ่ายค่าระวาง
ค่าธรรมเนียม และประโยชน์อื่นใดตามที่ระบุในใบตราส่งสินค้าของ Forwarder B
(House Bill of Lading) ให้กับ Forwarder B โดย
Forwarder B ออกใบเสร็จรับเงินให้กับผู้ใช้บริการ
ถือเป็นการจ่ายค่าขนส่งซึ่งอยู่ในบังคับต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ทั้งนี้
ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 234 (พ.ศ. 2544)ฯ
และคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง
สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40
แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2528
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 104/2544 ฯ
ลงวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2544
2. กรณีผู้ใช้บริการ
(Consignee หรือ Forwarder) จ่ายค่าระวาง
ค่าธรรมเนียมและประโยชน์อื่นใดเนื่องจากการขนสินค้าขาเข้าตามที่ระบุไว้ในบิลออฟเลดิง ให้กับสายการเดินเรือไทยโดยที่สายการเดินเรือไทยจะต้องนำรายได้ที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการรับขนสินค้าขาเข้าไปรวมคำนวณเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
ตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร
ผู้ใช้บริการซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินจึงมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย
ในอัตราร้อยละ 1.0 ตามข้อ 12/4
ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง
สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40
แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 104/2544 ฯ
ลงวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2544
อย่างไรก็ดี หากปรากฏว่า สายการเดินเรือไทยเป็นสายการเดินเรือที่เข้าลักษณะตามมาตรา
3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 314) พ.ศ.2540 ผู้ใช้บริการซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ
ที่จ่าย
3. กรณีผู้ใช้บริการ
(Consignee หรือ Forwarder) จ่ายค่าระวาง
ค่าธรรมเนียม และประโยชน์อื่นใดเนื่องจากการขนสินค้าขาเข้าตามที่ระบุไว้ในบิลออฟเลดิง
ให้กับสายการเดินเรือต่างประเทศ
โดยที่ค่าขนส่งสินค้าขาเข้าไม่เป็นฐานภาษีในการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรา 67
แห่งประมวลรัษฎากร
ผู้ใช้บริการซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินจึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย
4. กรณีผู้ใช้บริการ
(Consignee หรือ Forwarder A) จ่ายค่าบริการเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าขาออกและการขนส่งสินค้าขาเข้าที่มิได้ระบุไว้ในบิลออฟเลดิงให้กับสายการเดินเรือไทยหรือสายการเดินเรือต่างประเทศ
หรือ Forwarder B ผู้ใช้บริการซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้
ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 ของค่าบริการตามข้อ 12/1 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง
สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40
แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2528
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 104/2544 ฯ
ลงวันที่ 15 กันยายน พ.ศ.2544
5. กรณี Freight
Forwarder ในประเทศไทยได้กระทำการในฐานะเป็นตัวแทนเรียกเก็บเงินค่าระวาง
ค่าธรรมเนียม และประโยชน์อื่นใดเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าขาเข้า ของ Freight
Forwarder ในต่างประเทศ ซึ่ง Freight Forwarder ในประเทศไทยต้องมีหลักฐานหรือเอกสารอื่นใดที่มีเนื้อหาแสดงว่ากระทำในฐานะเป็นตัวแทนของ
Freight Forwarder ในต่างประเทศ และ Freight
Forwarder ในประเทศไทยออกใบเสร็จรับเงินในนามของผู้ใช้บริการ
กรณีผู้ใช้บริการจ่ายค่าระวาง ค่าธรรมเนียม
และประโยชน์อื่นใดตามที่ระบุในใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading) ให้กับ Freight Forwarder ถือว่าผู้ใช้บริการจ่ายค่าขนส่งสินค้าขาเข้า
ซึ่งไม่เป็นฐานภาษีในการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรา 67 แห่งประมวลรัษฎากร ผู้ใช้บริการไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย
ในส่วนที่กระทำการแทนนั้น แต่ผู้ใช้บริการยังคงมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ
ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 ของค่าบริการที่ Freight
Forwarder ในประเทศไทยได้รับจากการดำเนินการแทนนั้น
6. ผู้ประกอบกิจการให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศโดยเรือเดินทะเล
(Freight Forwarder) มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
โดยรายได้ที่ต้องนำมารวมคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 3 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่
ป. 54/2537 ฯ ลงวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2537 หมายถึง รายได้ที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการให้บริการ
โดยให้คำนวณจากค่าระวาง ค่าธรรมเนียม และประโยชน์อื่นใดที่ได้มีการเรียกเก็บจากผู้รับบริการ
หักด้วยค่าระวาง ค่าธรรมเนียม และประโยชน์อื่นใดที่ถูกสายการเดินเรือเรียกเก็บ
7. ผู้ประกอบกิจการให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศโดยเรือเดินทะเล
(Freight Forwarder) มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา
77/2 แห่งประมวลรัษฎากร ในอัตราร้อยละ 7.0 จากค่าบริการ ซึ่งค่าบริการที่ต้องนำมารวมคำนวณเป็นมูลค่าของฐานภาษี
ตามมาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 4 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.54/2537 ฯ ลงวันที่ 8
ธันวาคม พ.ศ. 2537 หมายถึง มูลค่าของค่าบริการ
โดยให้คำนวณจากค่าระวาง ค่าธรรมเนียม และประโยชน์อื่นใดที่ได้มีการเรียกเก็บจากผู้รับบริการ
หักด้วยค่าระวาง ค่าธรรมเนียม และประโยชน์อื่นใดที่ถูกสายการเดินเรือเรียกเก็บ
เลขตู้ :
64/30746