คำอธิบาย พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564
บทความวันที่ 13 ก.พ. 2564 . เขียนโดย อจ.สุเทพ . เข้าชม 6568 ครั้ง
บทความวันที่ 13 ก.พ. 2564 . เขียนโดย อจ.สุเทพ . เข้าชม 6568 ครั้ง
คำอธิบาย
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564
1. ความนำ
1.1 กรมสรรพากรได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์
ดังนี้
(1) ความเป็นมาเทคโนโลยีในยุคดิจิทัลได้ส่งผลให้รูปแบบการให้บริการเปลี่ยนแปลงไป
ผู้ประกอบการที่อยู่ในต่างประเทศสามารถให้บริการแก่บุคคลต่าง ๆ
ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รวมทั้งมีแพลตฟอร์มซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงระหว่างผู้ให้บริการและผู้รับบริการจำนวนมาก
ทำให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงบริการอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เกม เพลง ภาพยนตร์
จากผู้ประกอบการที่อยู่ในต่างประเทศได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว
ในปี
2563 ประเทศไทยมีจำนวนประชากรกว่า 69 ล้านคน
และมีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสูงถึง 75% และจากผลสำรวจของ Globalwebindex พบว่าประชากรไทยอายุระหว่าง 16-64 ปี มากกว่า 50% ดูวิดีโอ ฟังเพลง
และฟังวิทยุออนไลน์ ส่งผลให้มีการใช้บริการออนไลน์เติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่น
การซื้อขายเพลงออนไลน์เติบโต 9% การซื้อขายวีดีโอเกมเติบโต 7.8%
และการโฆษณาออนไลน์เติบโต 16% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
(2) ปัญหาสะสมก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม
ที่ผ่านมาผู้ประกอบการในประเทศที่ให้บริการ e–Service ต้องจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการภาษีมูลค่าเพิ่ม
มีหน้าที่ยื่นแบบ และชำระภาษีมูลค่าเพิ่มมาโดยตลอด ในขณะที่
ผู้ประกอบการต่างประเทศ หรืออิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มต่างประเทศที่ให้บริการ e-Serviceในประเทศไทย ไม่ต้องดำเนินการดังกล่าว เนื่องจาก กฎหมายเดิมไม่ได้ครอบคลุมถึง
ส่งผลให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เกิดความได้เปรียบ เสียเปรียบในการดำเนินธุรกิจ
ระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้ประกอบการต่างประเทศ
ซึ่งหลายประเทศที่ใช้ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มต่างก็เผชิญปัญหาดังกล่าวเช่นเดียวกัน
(3) ทางออกที่เป็นมาตรฐานสากล
นานาประเทศจึงได้ร่วมกันกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหา โดยดำเนินการตามคำแนะนำของ OECD ที่กำหนดให้ผู้ประกอบการต่างประเทศหรืออิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มต่างประเทศ
จดทะเบียนและนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่หน่วยงานจัดเก็บภาษี ซึ่งประเทศที่จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มส่วนใหญ่
(มากกว่า 60 ประเทศ) ได้ออกหรือแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่ม
ตามคำแนะนำดังกล่าว เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย เป็นต้น
1.2 โดยที่ปัจจุบันมีการใช้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศมากขึ้น
จึงจำเป็นต้องปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ
และได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรโดยผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน
ให้มีความเหมาะสมกับรูปแบบการประกอบธุรกิจและการใช้บริการดังกล่าว นอกจากนี้ สมควรปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการมี
การใช้ หรือการจัดทำเอกสารหลักฐานหรือหนังสืออื่นใด ตามประมวลรัษฎากร ให้สามารถดำเนินการด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์
เพื่ออำนวยความสะดวก แก่ประชาชนและเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน โดยการตราพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564 ดังต่อไปนี้
(1)
แก้ไขเพิ่มเติมให้การดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานหรือหนังสืออื่นใดตามประมวลรัษฎากรสามารถดำเนินการด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์
(แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 3 โสฬส แห่งประมวลรัษฎากร)
(2) แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “สินค้า”
และเพิ่มบทนิยามคำว่า “บริการทางอิเล็กทรอนิกส์” และคำว่า “อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม”
(แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 77/1 (9) แห่งประมวลรัษฎากร และเพิ่มมาตรา 77/1
(10/1) และ (10/2) แห่งประมวลรัษฎากร)
(3)
แก้ไขเพิ่มเติมให้ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศแก่ผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน
เสียภาษีจากยอดขายโดยไม่ให้หักภาษีซื้อ
และให้ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มมีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มแทนผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์
(เพิ่มมาตรา 82/13 วรรคสองและวรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร) เป็นผลทำให้ในปัจจุบันประมวลรัษฎากร
มีบทบัญญัติรวม 324 มาตรา
(4)
แก้ไขเพิ่มเติมหน้าที่ของผู้จ่ายเงินในการนำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม
และหน้าที่ของผู้ประกอบการในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
กรณีการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศแก่ผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน
(แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83/6 (2) และมาตรา 85/3 (2) แห่งประมวลรัษฎากร)
(5)
กำหนดให้การดำเนินการทางทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกระทำโดยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้
(เพิ่มมาตรา 85/20 แห่งประมวลรัษฎากร)
(6) กำหนดห้ามมิให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศออกใบกำกับภาษี
(เพิ่มมาตรา 86/1 (1/1) แห่งประมวลรัษฎากร)
จึงขอนำบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจาก
“บริการทางอิเล็กทรอนิกส์” ตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่
53) พ.ศ. 2564 เพื่อเป็นแนวทางในการศึกษากฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างเป็นระบบต่อไป
2.1 แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า
“สินค้า” ตามมาตรา 77/1 (9) แห่งประมวลรัษฎากร และเพิ่มนิยามศัพท์คำว่า
“บริการทางอิเล็กทรอนิกส์” และ “อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม” เป็น (10/1) และ (10/2)
ของมาตรา 77/1 แห่งประมวลรัษฎากร ดังนี้
มาตรา 77/1 ในหมวดนี้
เว้นแต่ข้อความจะแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น
(9)
“สินค้า” หมายความว่า
ทรัพย์สินที่มีรูปร่างและไม่มีรูปร่างที่อาจมีราคาและถือเอาได้ ไม่ว่าจะมีไว้เพื่อขาย
เพื่อใช้ หรือเพื่อการใด ๆ และให้หมายความรวมถึงสิ่งของทุกชนิดที่นำเข้า แต่ทั้งนี้
ไม่รวมถึงทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่างที่ส่งมอบโดยผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด
(ความตาม (9)
แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564)
(10/1)
“บริการทางอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า
บริการซึ่งรวมถึงทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่างที่ส่งมอบโดยผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด
ซึ่งลักษณะของบริการ เป็นไปโดยอัตโนมัติในสาระสำคัญ โดยบริการดังกล่าวไม่สามารถกระทำได้หากปราศจากเทคโนโลยีสารสนเทศ
(10/2)
“อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม” หมายความว่า
ตลาด ช่องทาง หรือกระบวนการอื่นใด ที่ผู้ให้บริการหลายรายใช้ในการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้รับบริการ”
(ความตาม (10/1)
และ (10/2) แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 5
แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564)
(1) แก้ไขเพิ่มเติมนิยามศัพท์คำว่า
“สินค้า” ซึ่งแต่เดิมคำว่า “สินค้า” หมายความว่า ทรัพย์สินที่มีรูปร่างและไม่มีรูปร่างทุกชนิด ที่อาจมีราคาและถือเอาได้
ไม่ว่าผู้ประกอบการจะมีไว้เพื่อขาย เพื่อใช้ หรือเพื่อการใด ๆ
และให้หมายความรวมถึงสิ่งของทุกชนิดซึ่งเป็นสินค้าที่มีรูปร่างที่นำเข้า เท่านั้น
เพราะกรมศุลกากรจัดเก็บอากรขาเข้า และภาษีมูลค่าเพิ่มได้แต่เพียงเฉพาะสินค้านำเข้าที่มีรุปร่างเท่านั้น
จึงได้เพิ่มเติมข้อความ “แต่ทั้งนี้ ไม่รวมถึงทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่างที่ส่งมอบโดยผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด”
ซึ่งนำไปบัญญัติเป็น “บริการทางอิเล็กทรอนิกส์” ตามมาตรา 77/1 (10/1) แห่งประมวลรัษฎากร เพื่อที่จะทำให้สามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับ
“บริการทางอิเล็กทรอนิกส์” ที่หมายความว่า
“บริการทางอิเล็กทรอนิกส์” ซึ่งลักษณะของบริการเป็นไปโดยอัตโนมัติในสาระสำคัญ
โดยบริการดังกล่าวไม่สามารถกระทำได้หากปราศจากเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้ง ทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่างที่ส่งมอบโดยผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด
ที่เข้าลักษณะเช่นเดียวกับบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว
โดยเฉพาะที่ให้บริการจากต่างประเทศ ซึ่งมีปัญหาในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม
ทั้งในต่างประเทศรวมทั้งในประเทศไทย
(2) เพิ่มเติมนิยามศัพท์คำว่า
“บริการทางอิเล็กทรอนิกส์” และ “อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม” ให้มีความชัดเจนและเป็นสากล
(ก) บริการทั่วไปที่ไม่ใช่
“บริการทางอิเล็กทรอนิกส์” ที่ให้บริการจากต่างประเทศ และได้มีการใช้บริการนั้นในประเทศไทย
เช่น
- ค่าบริการเป็นนายหน้าตัวแทนเนื่องจากการขายสินค้าหรือให้บริการแก่ลูกค้าในประเทศไทย
- ค่าบริการที่ปรึกษาทางธุรกิจ
- ค่าบริการรับทำงานให้
- ค่าตอบแทนในการใช้สิทธิ
ลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า
- ค่าบริการจ้างเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
- ค่าเช่าทรัพย์สินที่นำมาใช้ในประเทศไทย
- ค่าบริการทางวิชาชีพที่มิใช่
การประกอบโรคศิลป การว่าความ และการสอบบัญชี
- ค่าบริการซ่อมทรัพย์สิน เครื่องจักร
- ค่าบริการจ้างผลิตสินค้า
- ค่าบริการจ้างทำของทั้งหลาย เป็นต้น
(ข) “บริการทางอิเล็กทรอนิกส์”
หมายความว่า บริการที่ส่งผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด
ซึ่งลักษณะของบริการ เป็นไปโดยอัตโนมัติในสาระสำคัญ โดยบริการดังกล่าวไม่สามารถกระทำได้หากปราศจากเทคโนโลยีสารสนเทศ
เช่น
-
World
Wide Web (www) หรือเครือข่ายใยแมงมุม
- E-mail หรือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
- การโอนย้ายแฟ้มข้อมูล (Upload, Download, FTP) i cloud
- การเผยแพร่สารสนเทศ
- ห้องสนทนา (Chat Room) การสนทนาแบบออนไลน์ (Chat) V Chat
- เครือข่ายสังคมหรือชุมชนเว็บ
(social
network or web community) เช่น ทวิตเตอร์ (Twitter) Facebook Instagram (IG)
- ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์
(Electronic Banking Service)
- การให้บริการชำระเงินออนไลน์
(Online Bill-Paying Service)
- การให้บริการตลาดนัดแรงงาน
(Job Market Service)
- การให้บริการด้านการเดินทางและการท่องเที่ยว
(Travel and Tourism Service)
- การให้บริการติดต่อสื่อสาร
(Communities Service)
- การให้บริการด้านการศึกษา
(E-Learning Service)
- การให้บริการโฆษณาทางอินเทอร์เน็ต
เป็นต้น
(ค) ทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่างที่ส่งมอบโดยผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด
2.2 ไม่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนของความรับผิด
ฐานภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับ “บริการทางอิเล็กทรอนิกส์” จึงยังคงใช้บังคับตามบทบัญญัติที่มีอยู่เดิมดังนี้
(1) ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
สำหรับ “บริการทางอิเล็กทรอนิกส์” เกิดขึ้นตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา 78/1
(1) แห่งประมวลรัษฎากร กล่าวคือ ให้ความรับผิดทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อได้รับชำระราคาค่าบริการ
เว้นแต่กรณีที่ได้มีการกระทำดังต่อไปนี้เกิดขึ้นก่อนได้รับชำระราคาค่าบริการก็ให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อได้มีการกระทำนั้น
ๆ ด้วย
(ก) ได้ออกใบกำกับภาษี หรือ
(ข)
ได้ใช้บริการไม่ว่าโดยตนเองหรือบุคคลอื่น
ทั้งนี้
โดยให้ความรับผิดเกิดขึ้นตามส่วนของการกระทำนั้น ๆ แล้วแต่กรณี
(2) ฐานภาษีภาษีมูลค่าเพิ่ม
สำหรับ “บริการทางอิเล็กทรอนิกส์” เป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา 79
และมาตรา 79/3 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนี้
ฐานภาษีสำหรับการการให้บริการ ได้แก่
มูลค่าทั้งหมดที่ผู้ประกอบการได้รับหรือพึงได้รับจากการให้บริการ
รวมทั้งภาษีสรรพสามิตตามที่กำหนดในมาตรา 77/1 (19) แห่งประมวลรัษฎากร ถ้ามี
ด้วย
มูลค่าของฐานภาษี ให้หมายความถึง
เงิน ทรัพย์สิน ค่าตอบแทน ค่าบริการ หรือประโยชน์ใด ๆ ซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน
การคำนวณมูลค่าของฐานภาษีสำหรับการให้บริการตามมาตรา
79 แห่งประมวลรัษฎากร ให้ถือมูลค่าของฐานภาษีเมื่อความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น
เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้ (มาตรา 79/3 แห่งประมวลรัษฎากร)
(ก) การให้บริการ
โดยไม่มีค่าตอบแทนหรือมีค่าตอบแทนต่ำกว่าราคาตลาด โดยไม่มีเหตุอันสมควร
มูลค่าของฐานภาษีให้ถือตามราคาตลาดของสินค้าหรือการให้บริการในวันที่ความรับผิดเกิดขึ้น
(ข) การให้บริการในกรณีที่ผู้ประกอบการได้ใช้บริการ ไม่ว่าโดยตนเองหรือบุคคลอื่น โดยมิใช่เพื่อการประกอบกิจการโดยตรงตามมาตรา 77/1 (10) แห่งประมวลรัษฎากร มูลค่าของฐานภาษีให้ถือตามราคาตลาดของบริการในวันที่ความรับผิดเกิดขึ้น
ราคาตลาดตามมาตรานี้
ให้ถือราคาเฉลี่ยของราคาตลาดที่ซื้อขายกันตามความเป็นจริงทั่วไปในวันที่ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น
ทั้งนี้ ตามที่ได้มีการตรวจสอบ ราคาตามหลักเกณฑ์ที่อธิบดีกำหนด
และในกรณีที่ไม่อาจทราบราคาตลาดได้แน่นอน
ให้อธิบดีโดยอนุมัติรัฐมนตรีมีอำนาจประกาศใช้เกณฑ์คำนวณเพื่อให้ได้มาซึ่งราคาตลาดได้
2.3 การคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับ “บริการทางอิเล็กทรอนิกส์”
ได้มีการเพิ่มความในวรรคสองและวรรคสาม ของมาตรา
82/13 แห่งประมวลรัษฎากร ดังนี้
“มาตรา 82/13 ในกรณีที่ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรและได้เข้ามาประกอบกิจการขายสินค้า
หรือให้บริการในราชอาณาจักร เป็นการชั่วคราว
โดยไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มชั่วคราวตามมาตรา 85/3
หรือในกรณีที่ผู้ประกอบการ ที่ได้ให้บริการจากต่างประเทศ
และได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร
ให้ผู้ประกอบการดังกล่าวเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
และชำระภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อความรับผิดในการเสียภาษีเกิดขึ้น
โดยให้คำนวณจากฐานภาษีตามส่วน 3 และอัตราภาษีตามมาตรา 80 หรือมาตรา 80/1
แล้วแต่กรณี
“ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับกรณีผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ
และได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรโดยผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน
ในกรณีเช่นว่านี้ ให้ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
โดยคำนวณจากภาษีขาย โดยไม่ให้หักภาษีซื้อ ทั้งนี้
ให้ผู้ประกอบการดังกล่าวยื่นแบบแสดงรายการภาษี และชำระภาษีตามมาตรา 83
ในกรณีผู้ประกอบการตามวรรคสอง
ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม
โดยมีกระบวนการต่อเนื่องตั้งแต่การนำเสนอการให้บริการ การชำระค่าบริการ การส่งมอบ บริการ
และการอื่นใดตามที่อธิบดีประกาศกำหนด ให้ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มแทนผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ทุกรายรวมกัน
โดยไม่ต้องแยกรายละเอียดการให้บริการสำหรับผู้ประกอบการแต่ละราย และให้ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์
แพลตฟอร์มมีหน้าที่และความรับผิดเช่นเดียวกับผู้ประกอบการ”
(ความตามวรรคสองและวรรคสาม
เพิ่มเติมโดยมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564)
มาตรา 83/6 เมื่อมีการชำระราคาสินค้าหรือ
ราคาค่าบริการให้กับผู้ประกอบการดังต่อไปนี้ ให้ผู้จ่ายเงินค่าซื้อสินค้า
หรือค่าบริการมีหน้าที่นำส่งเงินภาษีมูลเพิ่มที่ผู้ประกอบการมีหน้าที่เสียภาษี
(1)
ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรซึ่งได้เข้ามาประกอบกิจการขายสินค้า
หรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการชั่วคราวตามมาตรา
85/3
“(2)
ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการจากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร
ทั้งนี้ เฉพาะ
(ก)
ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน
(ข) ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการอื่นนอกจากบริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ทุกราย”
(ความตาม (2)
แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564)
(3)
ผู้ประกอบการอื่นตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา
ให้นำมาตรา 83/5 วรรคสอง
มาใช้บังคับ
มาตรา 85/3 ให้ผู้ประกอบการดังต่อไปนี้ไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
(1) ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร
และเข้ามาประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นครั้งคราว
“(2)
ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการจากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร
ทั้งนี้ เฉพาะ
(ก)
ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน
(ข)
ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการอื่นนอกจากบริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ทุกราย”
(ความตาม (2)
แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564)
(3)
ผู้ประกอบการอื่นตามที่อธิบดีประกาศกำหนดเมื่อมีเหตุอันสมควร
อธิบดีจะผ่อนผันให้ผู้ประกอบการตาม
(1) หรือ (3) ซึ่งการประกอบกิจการ ของผู้ประกอบการดังกล่าวมีลักษณะและวิธีการตามที่อธิบดีกำหนด
มีสิทธิขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการชั่วคราวก็ได้
การยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มชั่วคราว
และการออกใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มชั่วคราวให้เป็นไปตามแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด
เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง
ให้อธิบดีมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่จะพิจารณากำหนดว่า
การเข้ามาประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรอย่างใด
เป็นการเข้ามาประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นครั้งคราว
จากบทบัญญัติดังกล่าวอาจแยกพิจารณาได้ดังนี้
(1) ในกรณีที่ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรและได้เข้ามาประกอบกิจการขายสินค้า
หรือให้บริการในราชอาณาจักร เป็นการชั่วคราว
โดยไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มชั่วคราวตามมาตรา 85/3 แห่งประมวลรัษฎากร
หรือในกรณีที่ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการอื่นที่มิใช่บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ และได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร
รวมทั้งผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ
และได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรโดยผู้ใช้ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน ให้ผู้ประกอบการดังกล่าวเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
และชำระภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อความรับผิดในการเสียภาษีเกิดขึ้น
โดยให้คำนวณจากฐานภาษีตาม 1.2 (2) และอัตราภาษีร้อยละ 7.0 หรือร้อยละ 0 ตามมาตรา
80 หรือมาตรา 80/1 แห่งประมวลรัษฎากร แล้วแต่กรณี
ให้ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการดังต่อไปนี้
มีหน้าที่ยื่นรายการและนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา ตามแบบ
ภ.พ.36 ภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป
(ก) ผู้ซื้อสินค้าหรือรับบริการจากผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรและได้เข้ามาประกอบกิจการขายสินค้า
หรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว โดยไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มชั่วคราวตามมาตรา
85/3 แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ ตามมาตรา 83/6 (1) แห่งประมวลรัษฎากร
(ข) ผู้รับบริการไม่ว่าจะเป็นบุคคลใดจากผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการอื่นที่มิใช่บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ
และได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร และ
(ค) ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่รับบริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากผู้ให้บริการในต่างประเทศ และได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร
(2) สำหรับผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ
และได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรโดยผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน ให้ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์นั้น
โดยไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 85/3 (2) แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
โดยคำนวณจากภาษีขาย โดยไม่ให้หักภาษีซื้อ ทั้งนี้ ให้ผู้ประกอบการดังกล่าวยื่นแบบแสดงรายการภาษี
(ภ.พ.30) และชำระภาษีมูลค่าเพิ่มภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ตามมาตรา 83 แห่งประมวลรัษฎากร
(3) ในกรณีผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ และได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรโดยผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน
ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม (ตลาด ช่องทาง
หรือกระบวนการอื่นใด ที่ผู้ให้บริการหลายรายใช้ในการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้รับบริการ)
โดยมีกระบวนการต่อเนื่องตั้งแต่การนำเสนอการให้บริการ การชำระค่าบริการ การส่งมอบ บริการ
และการอื่นใดตามที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
ให้ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มแทนผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ทุกรายรวมกัน
โดยไม่ต้องแยกรายละเอียดการให้บริการสำหรับผู้ประกอบการแต่ละราย และให้ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์
แพลตฟอร์มมีหน้าที่และความรับผิดเช่นเดียวกับผู้ประกอบการ
(4) จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้นำส่งเนื่องจากการซื้อสินค้าหรือรับบริการจากผู้ประกอบการตาม
(1)(2) หรือ (3) แล้วแต่กรณี ตามแบบ ภ.พ.36 ตามใบเสร็จรับเงินของกรมสรรพากร ซึ่งถือเป็นใบกำกับภาษีตามมาตรา
86/14 แห่งประมวลรัษฎากร ดังกล่าว
ให้ถือเป็นภาษีซื้อที่จะนำไปเครดิตหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา
77/1 (18) แห่งประมวลรัษฎากร
2.4 เพิ่มเติมความในมาตรา 85/20 แห่งประมวลรัษฎากร
เพื่อใช้ในกรณีมีความจำเป็นหรือเหมาะสม รัฐมนตรีมีอำนาจว่าการกระทรวงการคลังในอันที่จะออกกฎกระทรวง
กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข
เพื่อกำหนดกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้แทน
การดำเนินการเกี่ยวกับทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามที่บัญญัติไว้ในส่วน 9 หมวด 4 ในลักษณะ
2 แห่งประมวลรัษฎากร ได้ ดังนี้
"มาตรา 85/20 ในกรณีมีความจำเป็นหรือเหมาะสม รัฐมนตรีมีอำนาจออกกฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อกำหนดกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้แทน การดำเนินการเกี่ยวกับทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามที่บทบัญญัติในส่วน 8 ได้
การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงตามวรรคหนึ่ง
ให้ถือเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ
อันเป็นความผิดและต้องระวางโทษตามมาตราที่เกี่ยวข้องด้วย”
(เพิ่มเติมโดยมาตรา
9 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564)
2.5 เพิ่มเติมความ (1/1) ในมาตรา 86/1
(1/1) แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดห้ามมิให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศออกใบกำกับภาษี
ดังนี้
“มาตรา 86/1 ห้ามมิให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนดังต่อไปนี้ออกใบกำกับภาษี
(1)
ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่อยู่นอกราชอาณาจักร
และได้ให้ตัวแทนของตนออกใบกำกับภาษีแทนตนตามมาตรา 86/2
“(1/1) ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศและ
ได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรโดยผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน”
(2)
ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ทรัพย์สินถูกนำออกขายทอดตลาดหรือขายโดยวิธีอื่นโดยบุคคลอื่นตามมาตรา
83/5
(ความตาม
(1/1) แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 10
แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564)
(3)
ผู้ประกอบการจดทะเบียนตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามมาตรา 83/6 (3)”
2.6
การเสียภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับ "บริการทางอิเล็กทรอนิกส"
ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ.
2564 นี้ให้ใช้บังคับสำหรับรายรับหรือการจ่ายเงิน
ตั้งแต่วันที่หนึ่งของเดือนที่เจ็ดถัดจากเดือนที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
(ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564) ได้แก่ วันที่ 1
กันยายน พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป
3. แก้ไขเพิ่มเติมความในมาตรา 3 โสฬส แห่งประมวลรัษฎากร
ให้ยกเลิกความในมาตรา
3 โสฬส แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 48) พ.ศ. 2562 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“มาตรา
3 โสฬส บรรดาหมายเรียก หนังสือแจ้งให้เสียภาษีอากร แบบ
ใบกำกับภาษี รายงาน เอกสารหลักฐานหรือหนังสืออื่นใด ที่ต้องมี จัดทำ หรือใช้
ตามที่บัญญัติในประมวลรัษฎากร และบรรดาเอกสารหลักฐานหรือหนังสือที่กรมสรรพากรต้องใช้ในการติดต่อกับผู้เสียภาษีอากรหรือบุคคลใด
หรือที่ผู้เสียภาษีอากรหรือบุคคลใดต้องใช้ในการติดต่อกับกรมสรรพากร อาจกระทำด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้
ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
กฎกระทรวงตามวรรคหนึ่งให้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการจัดทำ
การส่ง การรับ ตลอดจนการเก็บรักษาที่เกี่ยวข้องไว้ด้วย ซึ่งต้องสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรม
ทางอิเล็กทรอนิกส์
”
(แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา
3 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564)
4. บทสรุป
การเปลี่ยนแปลงการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม
สำหรับบริการที่ได้ให้จากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร โดยแยก “บริการทางอิเล็กทรอนิกส์”
โดยเฉพาะที่ได้ให้บริการแก่ผู้รับบริการที่มิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนออกต่างหาก อาทิ
ประชาชนผู้บริโภคทั่วไป ผู้ประกอบการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบกิจการที่อยู่ในบังคับที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
หรือที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ รวมทั้งองค์การของรัฐบาลหรือนิติบุคคลอื่น ซึ่งโดยส่วนใหญรัฐได้รับค่าภาษีมูลค่าเพิ่มจากกิจการในส่วนนี้น้อยมาก
เพราะกฎหมายกำหนดให้ผู้ใช้บริการมีหน้าที่ต้องยื่นแบบ ภ.พ.36
เพื่อนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม ภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดจากเดือนที่ได้จ่ายเงินได้
ทั้งนี้ โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ
และได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรโดยผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน
ในกรณีเช่นว่านี้ ให้ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
โดยคำนวณจากภาษีขาย โดยไม่ให้หักภาษีซื้อ มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษี ภ.พ.30 และชำระภาษีมูลค่าเพิ่มภายในวันที่
15 ของเดือนถัดไป ตามมาตรา 83 แห่งประมวลรัษฎากร
ในการนี้ได้เพิ่มเติม
“ทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่างที่ส่งมอบโดยผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด”
ให้ถือเป็นบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วยอีกโสตหนึ่ง
ทำให้ประเทศไทยสามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำเข้าทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่าง
จากที่ไม่สามารถจัดเก็บได้ เนื่องจากมีช่องโหว่ของกฎหมาย
ในส่วนของบริการอื่นใดที่มิใช่บริการทางอิเล็กทรอนิกส์
และ “บริการทางอิเล็กทรอนิกส์” โดยเฉพาะที่ได้ให้บริการแก่ผู้รับบริการที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้ให้จากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร
นั้น ผู้จ่ายเงินค่าบริการมีหน้าที่ต้องยื่นแบบ ภ.พ.36 เพื่อนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม
ทั้งนี้ การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับ
"บริการทางอิเล็กทรอนิกส"
ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ.
2564 นี้ให้ใช้บังคับสำหรับรายรับหรือการจ่ายเงิน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน พ.ศ.
2564 เป็นต้นไป
มีประเด็นปัญหาสืบเนื่องต่อไปอีกประเด็นหนึ่ง
คือ ผลกระทบของกฎหมายฉบับนี้ เป็นผลทำหใ้ต้องมีการเพิ่มค่าบริการอีกอย่างน้อย 7%
สำหรับผู้รับบริการที่ไม่ใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
อย่างแน่แท้ทีเดียวเชียวครับ !!!!
ไม่มีทางที่ผู้ประกอบการที่เป็นผู้ให้บริการจะเป็นผู้รับภาระภาษีมูลค่าเพิ่มในส่วนนี้
จึงเป็นเวรเป็นกรรมของผู้บริโภค
เพราะภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาษีการบริโภคที่ผู้บริโภคต้องเป็นผู้รับภาระ (VAT is "Tax"
on consume.)
บรรณานุกรม
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/A/010/T_0001.PDF
https://www.rd.go.th/315.html (ประมวลรัษฎากร)
https://www.rd.go.th/27807.html (เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564 (ร่าง พ.ร.บ.
การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรโดยผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน)
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/922292
https://sites.google.com/site/kruvongkot/u6-kar-suxsar-phan-kherux-khay-xintexrnet?fbclid=IwAR2_9TLdDuI1STRqVJPuQ4Az8hH95zkY3MlnNdwBC-8sbmWYOPJhgO6dCIU
พระราชบัญญัติ
แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 53)
พ.ศ.
2564
-------------------------
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ให้ไว้
ณ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564
เป็นปีที่
6 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอม ของรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา 1
พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า
“พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564”
มาตรา 2
พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
เว้นแต่บทบัญญัติที่มีผลแก้ไขเปลี่ยนแปลงการเสียหรือการนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา
4 มาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 8 และมาตรา 10 ให้ใช้บังคับสำหรับรายรับหรือการจ่ายเงิน
ตั้งแต่วันที่หนึ่งของเดือนที่เจ็ดถัดจากเดือนที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3
ให้ยกเลิกความในมาตรา 3 โสฬส แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 48) พ.ศ. 2562 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“มาตรา 3 โสฬส บรรดาหมายเรียก หนังสือแจ้งให้เสียภาษีอากร แบบ ใบกำกับภาษี รายงาน
เอกสารหลักฐานหรือหนังสืออื่นใด ที่ต้องมี จัดทำ หรือใช้
ตามที่บัญญัติในประมวลรัษฎากร และบรรดาเอกสารหลักฐานหรือหนังสือที่กรมสรรพากรต้องใช้ในการติดต่อกับผู้เสียภาษีอากรหรือบุคคลใด
หรือที่ผู้เสียภาษีอากรหรือบุคคลใดต้องใช้ในการติดต่อกับกรมสรรพากร อาจกระทำด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้
ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
กฎกระทรวงตามวรรคหนึ่งให้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการจัดทำ
การส่ง การรับ ตลอดจนการเก็บรักษาที่เกี่ยวข้องไว้ด้วย
ซึ่งต้องสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์ ”
มาตรา 4 ให้ยกเลิกความใน
(9) ของมาตรา 77/1 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534 และให้ใช้ ความต่อไปนี้ แทน
“(9)
“สินค้า” หมายความว่า
ทรัพย์สินที่มีรูปร่างและไม่มีรูปร่างที่อาจมีราคาและถือเอาได้ ไม่ว่าจะมีไว้เพื่อขาย
เพื่อใช้ หรือเพื่อการใด ๆ และให้หมายความรวมถึงสิ่งของทุกชนิดที่นำเข้า แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่างที่ส่งมอบโดยผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่าย
ทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด”
มาตรา 5
ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (10/1) และ (10/2) ของมาตรา 77/1 แห่งประมวลรัษฎากร
“(10/1)
“บริการทางอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า
บริการซึ่งรวมถึงทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่าง ที่ส่งมอบโดยผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด
ซึ่งลักษณะของบริการ เป็นไปโดยอัตโนมัติในสาระส าคัญ โดยบริการดังกล่าวไม่สามารถกระท
าได้หากปราศจากเทคโนโลยี สารสนเทศ
(10/2)
“อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม” หมายความว่า
ตลาด ช่องทาง หรือกระบวนการอื่นใด ที่ผู้ให้บริการหลายรายใช้ในการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้รับบริการ”
มาตรา 6
ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสองและวรรคสาม ของมาตรา 82/13 แห่งประมวลรัษฎากร
“ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับกรณีผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ
และได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรโดยผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน
ในกรณีเช่นว่านี้ ให้ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
โดยคำนวณจากภาษีขาย โดยไม่ให้หักภาษีซื้อ ทั้งนี้
ให้ผู้ประกอบการดังกล่าวยื่นแบบแสดงรายการภาษี และชำระภาษีตามมาตรา 83
ในกรณีผู้ประกอบการตามวรรคสอง
ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอิเล็กทรอนิกส์ แพลตฟอร์ม
โดยมีกระบวนการต่อเนื่องตั้งแต่การนำเสนอการให้บริการ การชำระค่าบริการ การส่งมอบ บริการ
และการอื่นใดตามที่อธิบดีประกาศกำหนด ให้ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มแทนผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ทุกรายรวมกัน
โดยไม่ต้องแยกรายละเอียดการให้บริการสำหรับผู้ประกอบการแต่ละราย และให้ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์
แพลตฟอร์มมีหน้าที่และความรับผิดเช่นเดียวกับผู้ประกอบการ”
มาตรา 7
ให้ยกเลิกความใน (2) ของวรรคหนึ่ง ของมาตรา 83/6 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534 และ ให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“(2)
ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการจากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร ทั้งนี้
เฉพาะ
(ก)
ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน
(ข)
ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการอื่นนอกจากบริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ทุกราย”
มาตรา 8
ให้ยกเลิกความใน (2) ของวรรคหนึ่ง ของมาตรา 85/3 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534 และ ให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“(2)
ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการจากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร ทั้งนี้
เฉพาะ
(ก)
ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน
(ข)
ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการอื่นนอกจากบริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ทุกราย”
มาตรา 9
ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 85/20 ในส่วน 9 การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ของหมวด 4 ภาษีมูลค่าเพิ่ม ของลักษณะ 2 ภาษีอากรฝ่ายสรรพากร แห่งประมวลรัษฎากร
“มาตรา 85/20 ในกรณีมีความจำเป็นหรือเหมาะสม รัฐมนตรีมีอำนาจออกกฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อกำหนดกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้แทน การดำเนินการเกี่ยวกับทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามที่บัญญัติไว้ในส่วน
9 ได้
การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงตามวรรคหนึ่ง
ให้ถือเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ อันเป็นความผิดและต้องระวางโทษตามมาตราที่เกี่ยวข้องด้วย”
มาตรา 10
ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (1/1) ของมาตรา 86/1 แห่งประมวลรัษฎากร
“(1/1) ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศและ
ได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรโดยผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน”
มาตรา 11
บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่ถูกยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัตินี้
ให้ยังคงใช้บังคับต่อไปเฉพาะในการปฏิบัติจัดเก็บภาษีอากรที่ค้างอยู่หรือที่พึงชำระ
สำหรับรายรับหรือการจ่ายเงินก่อนวันที่หนึ่งของเดือนที่เจ็ดถัดจากเดือนที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป
มาตรา 12
บรรดาประกาศที่ออกตามมาตรา 3 โสฬส แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 48) พ.ศ. 2562 ที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
ให้ยังคงใช้บังคับต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับ บทบัญญัติตามมาตรา 3 โสฬส
แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ จนกว่าจะได้มีกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา
3 โสฬส แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 13
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ปัจจุบันมีการใช้บริการ ทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศมากขึ้น
สมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรโดยผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน
ให้มีความเหมาะสมกับรูปแบบการประกอบธุรกิจและการใช้บริการดังกล่าว นอกจากนี้ สมควรปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการมี
การใช้ หรือการจัดทำเอกสารหลักฐานหรือหนังสืออื่นใด ตามประมวลรัษฎากร ให้สามารถดำเนินการด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์
เพื่ออำนวยความสะดวก แก่ประชาชนและเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
ราชกิจจานุเบกษา
หน้า 1 - หน้า 4 เล่ม 138 ตอนที่ 11 ก 10 กุมภาพันธ์ 2564